ท้าวผาแดงนางไอ่ตำนานนิทานพญานาค
|
ตำนานนิทานชาวบ้านที่เกี่ยวข้องกับพญานาค |
ตำนานของท้าวผาแดงนางไอ่คำที่เกี่ยวข้องกับพญานาคมีผู้รวบรวมไว้หลายท่าน เรื่องย่อของท้าวผาแดงนางไอ่คำพอรวบรวมได้ดังนี้
เมืองสุวรรณโคมคำหรืออีกชื่อหนึ่งว่าเมืองเอกชะทีตาซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหนองแส เมืองนี้มีพญาขอมเป็นผู้ปกครองมีนางจันทร์เป็นมเหสี มีธิดาสาวสวยคนหนึ่งชื่อนางไอ่คำ พญาขอมมีน้องชาย 2 คน หนึ่งได้ไปปกครองเมืองเชียงเหียน ส่วนอีกคนหนึ่งให้ไปครองเมืองสีแก้ว มีหลาน 3 คน ให้ไปครองเมืองฟ้าแดด เมืองหงส์ และเมืองทอง ตามลำดับ
นางไอ่คำธิดาสาวของพญาขอมนั้น เมื่ออายุได้ 15 ปีมีความงามเป็นที่ลือเลื่องไปทั่วทิศ จนกระทั่งไปเข้าหูของท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง กิตติศัพท์ความงามของนางไอ่คำนั้นเร้าใจท้าวผาแดงให้อยากพบอยากเห็นและอยากผูกสมัครรักใคร่ด้วย จะรอไปสู่ขอเป็นทางการก็ไม่ทันใจ จึงขี่ม้ามายังเมืองเอกชะทีตา หาอุบายลักลอบเข้าไปในวัง และได้พบกับนางไอ่คำตามความปรารถนา นางไอ่คำเมื่อได้พบกับท้าวผาแดงก็เกิดความรักชอบจนคนทั้ง 2 ลักลอบได้เสียกัน ท้าวผาแดงให้สัญญากับนางไอ่คำจะมาทำพิธีขอและแต่งงานกันตามประเพณีในไม่ช้านี้ แล้วท้าวผาแดงก็ลาจากนางไอ่คำกลับไปยังเมืองผาโพง
ยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อเมืองศรีสัตนาคนหุต มีพญาสุทโธนาคครองเมืองมีโอรสชื่อพังคี พญาสุทโธนาคนี้อพยพมาจากหนองแส เพราะผิดใจกับพญาสุวรรณนาคผู้เป็นสหาย เนื่องจากการแบ่งเนื้อเม่น พญาสุทโธนาคไม่พอใจเพราะได้ส่วนแบ่งน้อย เข้าใจผิดคิดว่าพญาสุวรรณนาคเล่นไม่ซื่อ จนเกิดการทะเลาะกันเป็นสงครามใหญ่ เดือดร้อนถึงพระอินทร์ต้องส่งเทพบุตรลงมาห้ามศึก เมื่อพญาสุทโธนาคกับพญาสุวรรณนาคยอมหย่าศึกตามคำไกล่เกลี่ยของเทพบุตรแล้ว เทพบุตรก็แบ่งเขตให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่คนละฝั่งของหนองแส ให้พญาสุทโธนาคครองฝั่งเหนือและตะวันออก ส่วนพญาสุวรรณนาคให้ปกครองฝั่งใต้ นาคทั้ง 2 จึงต่างคนต่างขุดคลองจากหนองแสลงสู่ทะเล โดยพญาสุวรรณนาคขุดแม่น้ำน่านหรือโพระมิงที่ตั้งเมืองนันทบุรี ส่วนพญาสุทโธนาคขุดแม่น้ำโขงและตั้งเมืองศรีสัตตนาคนหุต
ครั้นถึงกลางเดือน 6 พญาขอมซึ่งครองเมืองสุวรรณโคมคำหรือเมืองเอกชะทีตา จะทำบุญบั้งไฟ จึงมีใบบอกบุญไปยังหัวเมืองต่างๆ ที่เป็นบริวารให้ทำบุญบั้งไฟไปร่วมจุดในงาน ท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพงไม่ได้รับใบบอกบุญแต่ได้ทราบข่าว จึงจัดบั้งไฟหมื่นไปร่วมทำบุญด้วยเพื่อผูกสัมพันธไมตรี ท้าวผาแดงนั้นเคยลอบรักสมัครสมานกับนางไอ่คำธิดาสาวสวยของพญาขอม และรับปากว่าจะมาสู่ขอเพื่อแต่งงานตามประเพณีแต่ก็ไม่ได้ทำดั่งคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ แม้กระนั้นการนำบั้งไฟมาร่วมงานบุญที่เมืองเอกชะทีตาครั้งนี้ ก็ได้รับการต้อนรับจากพญาขอมและนางไอ่คำเป็นอย่างดี
ในการจุดบั้งไฟพญาขอมให้มีการพนันว่าบั้งไฟของใครชนะจะได้ทรัพย์สมบัติและนางสนมกำนัลเป็นรางวัล สำหรับท้าวผาแดงนั้นมีพิเศษกว่าคนอื่น ถ้าบั้งไฟของท้าวผาแดงชนะพญาขอมจะยกนางไอ่คำให้ จะเป็นเพราะพญาขอมเกิดชอบใจท้าวผาแดง หรือแอบรู้มาว่าท้าวผาแดงกับธิดาสาวสวยมีสัมพันธ์กันอยู่ก็ไม่ทราบได้
เมื่อมีการจุดยั้งไฟเป็นไปตามเวลาและตามลำดับ ปรากฏว่าบั้งไฟของเมืองต่างๆพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างสวยงาม ส่วนบั้งไฟของพญาขอมเจ้าภาพไม่ยอมขึ้น และบั้งไฟของท้าวผาแดงก็แตกกลางบั้งไม่ยอมขึ้นเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้พญาขอมก็ทำเฉยเสียไม่ยอมให้รางวัลแก่เจ้าเมืองของบั้งไฟที่จุดแล้วขึ้น บรรดาเจ้าเมืองต่างๆจึงพากันกลับเมืองโดยไม่กล้าทวงสัญญา ท้าวผาแดงก็กลับเมืองผาโพงพร้อมกับความทุกข์ระทมเพราะบั้งไฟแตกและไม่ได้นางไอ่คำ
งานบุญบั้งไฟครั้งนั้นท้าวพังคีลูกชายพญาสุทโธนาคไม่ได้นำบั้งไฟมาร่วมด้วย เนื่องจากมิได้เป็นเมืองบริวารของพญาขอม แต่ก็ได้แปลงกายมาร่วมงานด้วย เมื่อได้เห็นความสวยงามของนางไอ่คำก็เกิดความหลงรัก แต่ไม่มีโอกาสเข้าใกล้นางได้ จึงพกเอาความรักกลับบ้านไป นางไอ่คำจึงมีผู้ชายมาหลงรักในเวลาเดียวกันถึง 2 คน
เมื่อท้าวพังคีกลับไปถึงเมืองศรีสัตตนาคนหุตแล้วก็ไม่เป็นอันกินอันนอน เฝ้าแต่คิดถึงนางไอ่คำธิดาของพญาขอม ในที่สุดก็ลาพญาสุทโธนาคผู้บิดาเพื่อจะไปหานางไอ่คำ พญาสุทโธนาคได้ห้ามปรามเอาไว้ แต่ท้าวพังคีก็หาเชื่อฟังไม่ เมื่อมาถึงเมืองเอกชะทีตาแล้ว ท้าวพังคีก็หาทางที่จะเข้าถึงตัวนางไอ่คำให้ได้ จึงแปลงกายเป็นกระรอกด่อน(กระรอกเผือก) ส่วนบริวารก็แปลงกายเป็นสัตว์ต่างๆติดตามกระรอกด่อนเข้าไป
กระรอกด่อนพังคีแขวนกระดิ่งทองไว้ที่คอเพื่อให้เกิดเสียงดังจะได้เป็นที่สนใจของนางไอ่คำ ได้ปีนป่ายกระโดดไปตามต้นไม้ใกล้ปราสาทของนางไอ่คำ สายตาก็สอดส่ายหานางไอ่คำแทบไม่กระพริบตา นางไอ่คำเห็นกระรอกด่อนสีขาวปลอดไปทั้งตัวก็อยากได้ จึงให้ไปตามนายพรานมาจับกระรอกด่อน นายพรานพยายามจับเท่าใดก็จับไม่ได้เพราะกระรอกด่อนฉลาดและว่องไว ในที่สุดนายพรานก็ยิงกระรอกด่อนด้วยธนู ก่อนตายกระรอกด่อนได้อธิษฐานว่า ขอให้เนื้อของข้าจงเอร็ดอร่อยและมีพอกินแก่คนทั้งเมือง
เมื่อกระรอกด่อนตายแล้ว ชาวเมืองก็พากันมาแบ่งเนื้อเอาไปกินยกเว้นแม่ม่าย เพราะเขาถือว่าไม่ได้ช่วยราชการไม่มีสิทธิ์ได้กิน ฝ่ายบริวารของท้าวพังคีเมื่อเห็นเจ้านายของตนเสียทีถูกฆ่าตายไปแล้ว ก็รีบกลับไปบอกพญาสุทโธนาค พญาสุทโธนาคได้ทราบเรื่องก็โกธรแค้นมากจึงเกณฑ์พลนาคนับหมื่นเพื่อไปถล่มเมืองพญาขอม ใครที่กินเนื้อท้าวพังคีต้องตายให้หมด เมื่อพร้อมแล้วกองทัพพญานาคจึงเดินทางสู่เมืองพญาขอมโดยไม่ชักช้า
วันเดียวกันนั้นเองท้าวผาแดงซึ่งรักนางไอ่คำจนทนอยู่ไม่ได้ จึงรีบขึ้นม้าบักสามจากเมืองผาโพงสู่เมืองเอกชะทีตา เมื่อมาถึงนางไอ่คำก็ต้อนรับด้วยความดีใจพร้อมทั้งจัดอาหารมาเลี้ยง เมื่อท้าวผาแดงรู้ว่าอาหารที่ทำมาเลี้ยงนั้นเป็นเนื้อกระรอกก็ไม่ยอมกิน แล้วบอกนางไอ่คำว่ากระรอกตัวนี้มิใช่กระรอกธรรมดา มันเป็นท้าวพังคีแปลงกายมา ใครกินเนื้อกระรอกแล้วตัวจะตายเพราะบ้านเมืองจะถล่มทลาย
พอตกกลางคืนกองทัพพญานาคก็มาถึงเมือง ธรรมดาบรรดานาคนั้นจะไปไหนก็เลื้อยไป ตัวนาคใหญ่แผ่นดินจึงสะเทือนเลื่อนลั่นโครมครามไปทั่ว ผู้คนพากันตกใจกลัวและถูกบริวารพญานาคฆ่าตายเหมือนใบไม้ร่วง ยกเว้นแต่พวกแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเท่านั้น ที่อื่นถล่มทลายเป็นทะเลไปหมด แต่ที่อยู่ของพวกแม่ม่ายไม่ถล่มทลายไปด้วยจึงกลายเป็นดอนแม่ม่ายมาจนทุกวันนี้ เมื่อภัยมาถึงตัวอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ท้าวผาแดงจึงให้นางไอ่คำเตรียมข้าวของบางอย่างที่พอจะเอาติดตัวไปได้ เช่น แหวน ฆ้อง และกลองประจำเมือง แล้วขึ้นม้าซ้อนท้ายตนเองก็ควบม้าบักสามออกจากเมืองหนีไปทันที
พญานาครู้ว่านางไอ่คำหนีจึงติดตามอย่างไม่ลดละแผ่นดินก็ถล่มไปไม่หยุด นางไอ่คำต้องโยนฆ้องและกลองทิ้งสุดท้ายก็โยนสิ่งของทิ้ง เพราะเข้าใจว่าพญานาคตามมาเอาของเหล่านี้ทั้งลำบากในการถือด้วย แต่พญานาคก็ยังตามมาอีก ม้าบักสามวิ่งนานๆเข้าก็ค่อยๆหมดแรง ฝีเท้าอ่อนลง พญานาคตามมาทันแล้วเอาหางตวัดเกี่ยวเอาตัวนางไอ่คำลงมาจากหลังม้าส่วนท้าวผาแดงก็ควบม้าหนีต่อไป แทนที่จะหยุดเพราะได้ตัวนางไอ่คำไปแล้ว แต่พญานาคก็ยังตามไปอีกเพราะท้าวผาแดงมีแหวนนางไอ่คำติดตัวไปด้วย ท้าวผาแดงจึงทิ้งแหวนเสียตนเองจึงปลอดภัย
เมื่อได้ของทั้งหมดของนางไอ่คำคืนมาแล้วพญานาคก็อุ้มนางไอ่คำกลับลงสู่บาดาล และให้นางไอ่คำอยู่ที่เมืองบาดาลไปก่อนจนกว่าพระศรีอาริย์จะมาตัดสินว่าใครควรจะเป็นสามีของนงอย่างแท้จริง ซึ่งไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใด ส่วนท้าวผาแดงหนีรอดไปถึงเมืองผาโพงได้แล้ว แต่เพราะความเสียคนรักไปต่อหน้าต่อตาจึงอธิษฐานต่อเทพยดาว่าจะขอตายเพื่อไปต่อสู้กับพญานาค เมื่อได้ตายสมใจแล้วท้าวผาแดงก็รวบรวมพวกผีเป็นกองทัพ ยกไปรบกับกองทัพพญานาคได้ต่อสู้กันนานจนน้ำในบึงในหนองขุ่นข้น ดินบนบกก็กลายเป็นฝุ่นตลบไปหมด ร้อนถึงพระอินทร์ต้องมาระงับศึก ให้พวกผีกลับเมืองผี ให้นาคครองครองบาดาลตามเดิม ห้ามมีให้มารุกรานกันอีก บ้านเมืองจึงสงบ |
|
|
|
|
 |
 |
 |
 |
 |
 |
|
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
|
|
บั้งไฟพญานาคขึ้นที่โขงเจียมอุบล |
|
![ทัวร์ลาว,ทัวร์เวียดนาม,ทัวร์พม่า,ทัวร์เขมร ทัวร์ลาว,ทัวร์เวียดนาม,ทัวร์พม่า,ทัวร์เขมร]() |
สถิติผู้เข้าชม
|
ขณะนี้มีผู้เข้าใช้
|
6
|
ผู้เข้าชมในวันนี้
|
241
|
ผู้เข้าชมทั้งหมด
|
3,515,034
|
เปิดเว็บ
|
24/11/2556
|
ปรับปรุงเว็บ
|
17/12/2566
|
|
|
|
|
31 พฤษภาคม 2568
|
อา |
จ. |
อ. |
พ. |
พฤ |
ศ. |
ส. |
| | | |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
18 |
19 |
20 |
21 |
22 |
23 |
24 |
25 |
26 |
27 |
28 |
29 |
30 |
31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|